Knowledge Center
เปิดวาร์ปหนัง OSCARS 2024 หาดูได้ที่สตรีมมิ่งไหนบ้าง พร้อมแพ็กเกจราคาพิเศษจาก AIS
แอนด์ดิออสก้าโกทู!... เป็นวรีเด็ดที่แฟนหนังหลายๆ คนได้ยินกันทุกปีกับ Academy Awards หรือที่พวกเรารู้จักกันในชื่อ OSCARS เป็นรางวัลที่เรียกได้ว่าแมสที่สุดเวทีหนึ่ง ในแต่ละปีจะมีหนังมากมายถูกเสนอชื่อให้ขึ้นมายืนบนเวทีนี้ เราไปดูกันดีกว่าว่าปีนี้มีเรื่องไหนบ้างที่ได้ขึ้นไปเหียบบนเวที OSCARS และตอนนี้มีเรื่องไหนบ้างให้คุณได้รับชมแล้วในสตรีมมิ่ง ซึ่งเราจัดหนักจัดเต็ม (กดดาวลิงก์นี้ไว้ ถ้ามีเรื่องไหนเข้าสตรีมมิ่งอีกจะเข้ามาอัพเดทให้นะ)
แน่นอนขึ้นชื่อว่าหนังออสก้าคอหนังหลายคนคงไปดูโรงมาแล้ว สำหรับใครที่พลาดไปหรืออาจจะไม่ใช่คอหนัง แต่มีสตรีมมิ่งติดบ้านไว้ไม่รู้จะดูเรื่องอะไร ก็สามารถเข้ามาไถๆ ดูกันได้ สนใจเรื่องไหนก็จัดเลย
และใครที่แบบว่า “โอ้ยฉันอยากดูเรื่องนี้ๆ แต่ฉันไม่มีสตรีมมิ่ง” ก็กดสมัครแพ็กเกจสตรีมมิ่งราคาพิเศษกับน้องอุ่นใจได้เลย
สมัครง่ายๆ เพียงแค่ > กดลิงก์ > กรอกเบอร์ AIS > เลือกแพ็กเกจที่ต้องการ > ยืนยันตัวตนตามขั้นตอน
(ลูกค้าระบบเติมเงิน ต้องเติมเงินค่าแพ็กเกจให้เรียบร้อยก่อนกดสมัครด้วยนะ)
แค่นี้คุณก็มีสตรีมมิ่งไว้พร้อมดูแล้ว แถมยังเก็บเงินรวมกับบิลโทรศัพท์ AIS อีกด้วย
สะดวก ประหยัดขนาดนี้ ต้องเปลี่ยนมาสมัครกับ AIS แล้วมั้ยล่ะ
.
.
1. Oppenheimer - Max ต้องการรับชมคลิก
มาที่เรื่องแรก พระเอกของงานอย่าง Oppenheimer หนังชีวะประวัติของบิดาแห่งระเบิดปรมาณู ผลงานเรื่องล่าสุดของพ่อปู่โนแลน โดย Oppenheimer เข้าชิงถึง 13 รางวัล และคว้ามาได้ตุงกระเป๋าถึง 7 รางวัล ทั้งภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และ ผู้กำกับยอดเยี่ยม ที่โนแลนพลาดไปในปี 2018 กับเรื่อง Dunkirk และยังเป็นออสก้าตัวแรกของ คิลเลียน เมอร์ฟีอีกด้วย กับการรับบทนำ หลังจากที่เป็นนักแสดงคู่บุญกันมาอย่างยาวนาน ก็ยินดีกับบรรดาแฟนๆของพ่อปู่โนแลนด้วยที่ในที่สุดก็มาถึงปีของเขาสักที เชื่อว่าหลายๆ คนคงไปดูกันมาแล้ว แต่ถ้าใครที่อยากดูอีกรอบ Oppenheimer มีให้ดูแล้วที่ Max สตรีมเลย
- แพ็กเกจ Max มือถือ สมัครคลิก
รายเดือนราคาพิเศษ 99 บาท*, รายปี 890 บาท
*สมัครได้ตั้งแต่ 19 พ.ย. 67 - 28 ก.พ. 68 เท่านั้น
หมายเหตุ: สมัครได้เฉพาะ ลูกค้า AIS รายเดือน และเติมเงิน วันทูคอล เท่านั้นนะ
- แพ็กเกจ Max มาตรฐาน
รายเดือน 199 บาท, รายปี 1,390 บาท
ลูกค้า AIS มือถือ สมัครคลิก /// ลูกค้า AIS FIBRE3 สมัครคลิก
- แพ็กเกจ Max อัลติเมท
รายเดือน 299 บาท, รายปี 2,090 บาท
ลูกค้า AIS มือถือ สมัครคลิก /// ลูกค้า AIS FIBRE3 สมัครคลิก
รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก
อยากรู้ว่า Max มีอะไรน่าดู รวมคอนเทนต์ที่คุณไม่ควรพลาด คลิกที่นี่
.
2. Poor Things - Disney+ Hotstar ต้องการรับชมคลิก
ผลงานของผู้กำกับสายเซอร์เรียลอย่าง "ยอร์กอส ลานธิมอส" โดย Poor Things เข้าชิงไป 11 รางวัล มงลงไปถึง 4 ปาดหน้า Barbie ที่เข้าชิงสาขาคล้ายๆ กันแบบสุดแซ่บ ดูจากรางวัลที่ได้คิดว่า งานอาร์ทในด้านภาพต้องยืนหนึ่งเป็นแน่ บวกกับการแสดงของนักแสดงเบอร์ใหญ่ทั้ง มาร์ค รัฟฟาโล วิลเลม เดโฟ และ เอมมา สโตน ซึ่งได้ออสก้าตัวที่สองจากเรื่องนี้อีกด้วย ด้วยสไตล์ความแปลกประหลาดของผู้กำกับ ความโดดเด่นในเรื่องของการอุปมาอุปไมย และการตั้งคำถามถึงประเด็นทางสังคม อาจเป็นเหตุผลที่ว่าทำไม Poor Things ปาดหน้าคว้าทุกรางวัลที่ควรจะเป็นของ Barbie ไปได้ ก็ถือว่าสมมงจริงๆ สำหรับใครที่ยังไม่ได้ดูในโรงเพราะดันเข้าโรงในบ้านเราชนกับมหาศึกทะเลทรายภาคต่อพอดี ตอนนี้สามารถรับชมได้แล้วบน Disney+ Hotstar
***ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับเรท ฉ20- ห้ามผู้ชมที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีรับชม
สมัครแพ็กเกจ Disney+Hotstar มาตรฐาน สำหรับลูกค้าเอไอเอส สมัครคลิก
- ค่าบริการรายเดือน 199 บาท
- ค่าบริการรายปี 1,590 บาท
สมัครแพ็กเกจ Disney+Hotstar พรีเมียม สำหรับลูกค้าเอไอเอส สมัครคลิก
- ค่าบริการรายเดือน 289 บาท/เดือน
- ค่าบริการรายปี 2,290 บาท/ปี
3. American Fiction - Prime Video ต้องการรับชมคลิก
ถูกจับตามองตั้งแต่ตอนที่เข้าชิง Golden Globes และคว้ารางวัล People’s Choice ได้ด้วยความที่แนวหนังผิวสีเสียดสีสังคม ซึ่งเป็นแนวที่ออสก้ารักอยู่แล้ว แถมตัวหนังยังเรื่องของคนที่สร้างผลงานที่บอกเล่าเรื่องราวของคนผิวสีอีกด้วย ยิ่งทำความเพิ่มแหลมคมในการเสียดสีเพิ่มขึ้นไปอีกเป็นเท่าทวี เนื้อเรื่องที่ดูท่าทีเหมือนจะเดาได้ว่าจะจบยังไง แต่สุดท้ายแล้วส่วนตัวคิดว่า บทสรุปที่หนังเลือกจะเดินไปทำให้ American Fiction ปาดหน้าเหล่าตัวเต็งทั้งหลายคว้ารางวัลบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยมมาครองได้สำเร็จ 1 รางวัลจากการเข้าชิงทั้งหมด 5 ราววัล โดยคุณสามารถรับชม American Fiction ได้แล้วที่ Prime Video
เพลิดเพลินไปกับ Amazon Originals ที่ Prime Video เท่านั้น
เรามีมาให้เลือกสมัครได้ ทั้งแบบรายเดือน และ รายปี
- รายเดือน 149 บาท พิเศษสุดๆ สำหรับลูกค้า AIS จ่าย 1 เดือนแรก แถมฟรี!! 2 เดือน (เดือนที่ 2 -3)
"ตกเดือนละไม่ถึง 50 บาท ดูกันไปเลย 3 เดือนจุกๆ"
- รายปี 999 บาท (เฉลี่ยเดือนละ 83.25 บาท)
สนใจสมัคร Prime Video - ลูกค้า AIS สมัครคลิก ///// ลูกค้า AIS FIBRE3 สมัครคลิก
อยากรู้ว่า Prime Video มีอะไรน่าดู รวมคอนเทนต์ที่คุณไม่ควรพลาดบน Prime Video คลิกที่นี่
4. Anatomy of a fall - Netflix ต้องการรับชมคลิก
หลังจากที่หนังแปะป้าย ปาล์มทองคำ (เทศกาลหนังเมืองคานส์) หลายคนอาจจะคิดว่าต้องเป็นหนังที่ดูยากแน่เลย แต่กลับกัน Anatomy of a fall เล่าเรื่องง่าย และสนุก แต่ยังแฝงไปด้วยนัยยะที่คมกริบ ทำให้หลายคนบอกว่านี่คือหนังที่ดีที่สุดแห่งปีของพวกเขา แม้ว่าตัวหนังจะไม่ได้มีเทคนิคหวือหวามากมาย แต่สิ่งนึ่งที่แข็งแกร่งสุดๆของ Anatomy of a fall คือตัวบท (ไม่เชื่อก็ดูที่รางวัลข้างบนนั้นสิ) ด้วยความเข้มข้นของเนื้อเรื่องที่เล่าผ่านการไต่สวนในศาล ตัวหนังกลับนำความเรียบง่ายอย่างการถามตอบนั้นมาพูดถึงความเจ็บปวดของชีวิตคู่ได้อย่างสมจริงสมจังสุดๆ การได้ดูหนังเรื่องนี้ให้ประสบการณ์เหมือนว่าเราไปเป็นหนึ่งในคณะลูกขุนของคดีนี้ ที่ในตอนแรกเริ่มเราก็จะคิดว่า “จำเลยผิดจริงหรือไม่” แต่พอผ่านเวลาไปหนังได้พาเราไปไกลกว่าที่คิด อยากให้ทุกคนได้ดูจริงๆ โดยทุกคนสามารถดู Anatomy of a fall ได้แล้ววันนี้ที่ Netflix และเปลี่ยนมาคิดค่าบริการรวมกับบิล AIS สิสะดวกกว่าเยอะ
พิเศษสำหรับลูกค้ารายเดือนสมัคร Netflix เพียงเดือนละ 99 บาท
สมัคร Netflix คลิก
อยากรู้ว่า Netflix มีอะไรน่าดู รวมคอนเทนต์ที่คุณไม่ควรพลาด คลิกที่นี่
5. Barbie - Max ต้องการรับชมคลิก
เข้าสู่โซนของคนผิดหวังกันบ้าง จากตอนที่เข้าฉายช่วงกลางๆ ปี Barbie เป็นตัวเต็งมาโดยตลอดถ้าดูจากรายได้ และกระแสต่างๆ แต่ก็มาแผ่วปลายในตอนท้าย แต่ไม่เป็นไรถึงจะไม่ได้ออสก้าตามที่แฟนๆ หวังไว้ แต่ก็ขึ้นชื่อว่าเป็นหนังที่ทำรายได้สูงสุดของปี 2023 เชียวนะ โดย Barbie มีชื่อเข้าชิงทั้งหมด 8 รางวัล เข้าวินไป 1 คือรางวัลเพลงประกอบยอดเยี่ยม (what was i made for? ของ บิลลี่ ไอลิช) ซึ่งก็สมมงสุดๆ เพราะจังหวะที่เพลงนี้ขึ้นในหนังเชื่อว่าต้องมีคนน้ำตาแตกกันอย่างแน่นอน สำหรับใครที่ยังไม่ได้ดูล่ะก็ Barbie มีให้รับชมแบบคมชัดสูงสุด 4K แล้ววันนี้ สตรีมเลยที่ Max
- แพ็กเกจ Max มือถือ สมัครคลิก
รายเดือนราคาพิเศษ 99 บาท*, รายปี 890 บาท
*สมัครได้ตั้งแต่ 19 พ.ย. 67 - 28 ก.พ. 68 เท่านั้น
หมายเหตุ: สมัครได้เฉพาะ ลูกค้า AIS รายเดือน และเติมเงิน วันทูคอล เท่านั้นนะ
- แพ็กเกจ Max มาตรฐาน
รายเดือน 199 บาท, รายปี 1,390 บาท
ลูกค้า AIS มือถือ สมัครคลิก /// ลูกค้า AIS FIBRE3 สมัครคลิก
- แพ็กเกจ Max อัลติเมท
รายเดือน 299 บาท, รายปี 2,090 บาท
ลูกค้า AIS มือถือ สมัครคลิก /// ลูกค้า AIS FIBRE3 สมัครคลิก
รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก
อยากรู้ว่า Max มีอะไรน่าดู รวมคอนเทนต์ที่คุณไม่ควรพลาด คลิกที่นี่
6. Killers of The Flower Moon - AppleTV+ ต้องการรับชมคลิก
อีกหนึ่งผู้ถูกเลือกให้ผิดหวัง ผลงานการกำกับของคุณปู่มาร์ติน สกอร์เซซี ที่เข้าชิงถึง 10 แต่ต้องกลับบ้านกันมือเปล่า แต่ที่น่าเสียดายสุดๆ ก็คือนักแสดงนำหญิงอย่าง ลิลลี่ แกลดสโตน นักแสดงเชื้อสายเนทีฟอเมริกัน ที่หลายๆคนบอกว่าบทนี้คือบทแห่งชีวิตของเธอ แต่ใครจะรู้ล่ะ ปีนี้เธออาจจะกลับมาอีกก็ได้ ส่วนตัวหนังบอกเลยว่าภาพสวยมาก พลังดาราก็เบอร์ต้นสุดๆ การแสดงจัดว่าเอาเรื่อง ขึ้นชื่อว่าหนังปู่สกอร์เซซี คนชอบดูหนังไม่ควรพลาดโดย Killers of The Flower Moon มีให้รับชมแล้วที่ AppleTV+
FUNFACT - ปู่มาร์ติน สกอร์เซซี เป็นผู้กำกับที่ยังมีชีวิตที่เข้าชิงรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมมากที่สุดถึง 10 ครั้ง แต่เขาได้ไปเพียงครั้งเดียวจากเรื่อง The Departed
7. Maestro - Netflix ต้องการรับชมคลิก
ผลงานการกำกับของนักแสดงมากฝีมืออย่าง แบรดลีย์ คูเปอร์ ที่ในครั้งนี้วนกลับมาทำเรื่องวงการดนตรีอีกครั้งกับ Maestro เป็นหนังชีวประวัติของ เลนนาร์ด เบิร์นสไตน์ วาทยกรชื่อก้องโลก กับชีวิตรักของเขา กับภรรยาเฟลิเซีย มอนเทเลกรา โคห์น นักแสดงบอร์ดเวย์ชื่อดัง โดย Maestro เข้าชิงไปทั้งหมด 7 รางวัลแต่ก็ต้องกลับบ้านมือเปล่า แต่การที่ไม่ได้รางวัลไม่ได้เป็นเครื่องการันตีว่าหนังไม่สนุกนะ หนังมีงานด้านภาพที่สวยงาม โดยเฉพาะฉากเปิดที่ทำให้เรานึกถึงหนังขาวดำสมัยก่อนแถมยังมีการแสดงที่เรียกได้ว่า แบรดลีย์ คูเปอร์ กลายเป็น เบิร์นสไตน์ตัวจริงเข้าไปอีก แล้วเหตุที่ต้องผิดหวังคืออะไร? ไปพิสูจน์กันเอาเองได้แล้ววันนี้ที่ Netflix
พิเศษสำหรับลูกค้ารายเดือนสมัคร Netflix เพียงเดือนละ 99 บาท
สมัคร Netflix คลิก
อยากรู้ว่า Netflix มีอะไรน่าดู รวมคอนเทนต์ที่คุณไม่ควรพลาดบน Netflix คลิกที่นี่
"เรามาดูหนังเรื่องอื่นๆ ที่ถูกเสนอชื่อเข้าไปชิงออสก้าในปีนี้กัน ว่าแต่ละสตรีมมิ่งมีเรื่องไหนอีกบ้างขอแยกเป็นแต่ละสตรีมมิ่งละกัน"
Disney+ hotstar
8. The Last Repair Shop - Disney+ Hotstar ต้องการรับชมคลิก
ผู้ชนะรางวัลภาพยนตร์สารคดีสั้นยอดเยี่ยม บอกเล่าเรื่องราวกลุ่มช่างฝีมือที่ช่วยซ่อมเครื่องดนตรีให้เด็กนักเรียกกว่า 80,000 ชิ้น ซึ่งสิ่งที่พวกเขาได้ซ่อมแซมไม่ใช้เพียงแค่เครื่องดนตรีแต่มันเป็นมากกว่านั้น
สมัครแพ็กเกจ Disney+Hotstar มาตรฐาน สำหรับลูกค้าเอไอเอส สมัครคลิก
- ค่าบริการรายเดือน 199 บาท
- ค่าบริการรายปี 1,590 บาท
สมัครแพ็กเกจ Disney+Hotstar พรีเมียม สำหรับลูกค้าเอไอเอส สมัครคลิก
- ค่าบริการรายเดือน 289 บาท/เดือน
- ค่าบริการรายปี 2,290 บาท/ปี
9. Nai Nai and Wài Pó - Disney+ Hotstar ต้องการรับชมคลิก
อีกเรื่องที่ได้เข้าชิงภาพยนตร์สารคดีสั้นยอดเยี่ยม จดหมายรักจากหลานที่ส่งถึงคุณย่า และคุณยาย ที่ใช้เวลาช่วงชีวิตสุดท้ายไปกับการเต้น ยึดเส้นยึดสาย และผายลมเพื่อขับไล่ความเศร้าโศกให้จางไป ป.ล. เรื่องนี้อบอุ่นมาก
สมัครแพ็กเกจ Disney+Hotstar มาตรฐาน สำหรับลูกค้าเอไอเอส สมัครคลิก
- ค่าบริการรายเดือน 199 บาท
- ค่าบริการรายปี 1,590 บาท
สมัครแพ็กเกจ Disney+Hotstar พรีเมียม สำหรับลูกค้าเอไอเอส สมัครคลิก
- ค่าบริการรายเดือน 289 บาท/เดือน
- ค่าบริการรายปี 2,290 บาท/ปี
10. Flamin' Hot - Disney+ Hotstar ต้องการรับชมคลิก
เข้าชิงสาขาเพลงประกอบยอดเยี่ยมจากเพลง The Fire Inside ของ Becky G เรื่องราวของ ริชาร์ด มอนทาเนซ ภารโรงหนุ่ม ชาวแม็กซิกันอเมริกันกับการให้กำเนิดขนมฮอตซีโตส ที่กลายเป็นตำนานจนถึงทุกวันนี้
สมัครแพ็กเกจ Disney+Hotstar มาตรฐาน สำหรับลูกค้าเอไอเอส สมัครคลิก
- ค่าบริการรายเดือน 199 บาท
- ค่าบริการรายปี 1,590 บาท
สมัครแพ็กเกจ Disney+Hotstar พรีเมียม สำหรับลูกค้าเอไอเอส สมัครคลิก
- ค่าบริการรายเดือน 289 บาท/เดือน
- ค่าบริการรายปี 2,290 บาท/ปี
อยากรู้ว่า Disney+ Hotstar มีอะไรน่าดู รวมคอนเทนต์ที่คุณไม่ควรพลาดบน Disney+ Hotstar คลิกที่นี่
ใครยังไม่มี Disney+Hotstar สมัครตรงนี้เลย
สมัครแพ็กเกจ Disney+Hotstar มาตรฐาน สำหรับลูกค้าเอไอเอส สมัครคลิก
- ค่าบริการรายเดือน 199 บาท
- ค่าบริการรายปี 1,590 บาท
สมัครแพ็กเกจ Disney+Hotstar พรีเมียม สำหรับลูกค้าเอไอเอส สมัครคลิก
- ค่าบริการรายเดือน 289 บาท/เดือน
- ค่าบริการรายปี 2,290 บาท/ปี
มาต่อกันที่ Netflix
11. The Wonderful Story of Henry Sugar - Netflix ต้องการรับชมคลิก
ตัดมาที่ Netflix ของเปิดด้วยผู้ชนะรางวัลภาพยนตร์สั้นยอดเยี่ยม The Wonderful Story of Henry Sugar ผลงานของผู้กำกับเวส แอนเดอร์สัน ที่ปีนี้กลับมากับหนังสั้นดัดแปลงจากหนังสือในชื่อเดียวกัน เรื่องราวของเฮนรี่ ชูการ์ มหาเศรษฐีที่ฝึกทักษะการมองทะลุวัตถุ และทำนายอนาคตได้จากหนังสือเล่นหนึ่ง ด้วยสไตล์การกำกับที่จัดจ้าน การจัดวางองค์ประกอบภาพที่เรียกได้ว่าเป๊ะมาก จึงไม่น่าแปลกใจที่จะคว้ารางวัลนี้ไปครอง ใครที่ยังไม่ได้ลองไปกดดูด่วน
ส่วนใครที่ Netflix ทะเบียนขาดเปลี่ยนมาสมัครกับอุ่นใจสิสะดวกสุด ๆ
อยากรู้ว่า Netflix มีอะไรน่าดู รวมคอนเทนต์ที่คุณไม่ควรพลาดบน Netflix คลิกที่นี่
12. Godzilla Minus One - Netflix ต้องการรับชมคลิก
หนังก๊อตซิล่าจากประเทศต้นตำรับ ผู้ชนะรางวัลเทคนิคพิเศษยอดเยี่ยม (Visual Effects) ถือเป็น 1 ก้าวสำคัญของวงการภาพยนต์ญี่ปุ่น สิ่งที่น่าภาคภูมิใจสำหรับทีมงานก็คือ พวกเขาก็สู้สุดใจจริงๆ แม้ว่าทุนในการสร้าง และจำนวนทีมงานที่น้อยกว่าหนังจากฝั่งตะวันตกมากทีเดียว แต่ก็ยังปราดหน้าคว้ารางวัลนี้มาได้ แล้วต้องบอกเลยว่า สมมงสุดๆ Visual Effects ของ Godzilla Minus One ทำถึงจริงๆ ทั้งฝุ่น ทั้งระเบิด ทั้งภาพเมืองที่ที่โดนระเบิดปรมาณู ทำออกมาได้ดีจริง ๆ
อยากรู้ว่า Netflix มีอะไรน่าดู รวมคอนเทนต์ที่คุณไม่ควรพลาดบน Netflix คลิกที่นี่
13. El Conde - Netflix ต้องการรับชมคลิก
เข้าชิงถ่ายภาพยอดเยี่ยม หนังตลกร้าย / สยองขัวญ ของผู้กำกับ ปาโบล ลาร์เรน ที่เล่าเรื่องราวของ นายพล ออกุสโต ปิโนเชต์ (อดีตผู้นำเผด็จการชาวชิลีที่มีตัวตนจริงๆในประวัติศาสตร์) ซึ่งแท้จริงแล้วเขาเป็นแวมไพร์ แต่กลับเบื่อโลก แกล้งตายแล้วหนีไปใช้ชีวิตอยู่บนเกาะร้าง และพยายามที่จะฆ่าตัวตายแต่ก็ดันทำไม่ได้
อยากรู้ว่า Netflix มีอะไรน่าดู รวมคอนเทนต์ที่คุณไม่ควรพลาดบน Netflix คลิกที่นี่
14. Rustin - Netflix ต้องการรับชมคลิก
เข้าชิงนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมโดย คอลแมน โดมิงโก ในบทของ เบยาร์ด รัสติน นักเคลื่อนไหวทางการเมืองของอเมริกาที่มีส่วนสำคัญในการผลักดันให้เกิดกฎหมายสิทธิมนุษยชนในยุคที่อเมริกายังเต็มไปด้วยการเหยียดผิว จนกลายเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่คนกว่า 2 แสนมาชุมนุมกันที่อนุสาวรีย์วอชิงตัน
อยากรู้ว่า Netflix มีอะไรน่าดู รวมคอนเทนต์ที่คุณไม่ควรพลาดบน Netflix คลิกที่นี่
15. Nyad - Netflix ต้องการรับชมคลิก
เช้าชิง นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมโดยแอนเน็ต เบ็นนิ่ง และนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมโดยโจดี ฟรอสเตอร์ เรื่องราวชีวิตของไดอานา ไนแอด นักว่ายน้ำมาราธอนวัย 64 ปี กับภารกิจสุดท้าทายของชีวิต โดยการว่ายน้ำข้ามมหาสมุทรระยะทางกว่า 100 ไมล์จากคิวบาไปฟลอริดา ดูชื่อนักแสดงแล้วการันตีฝีมือการแสดงได้เลย
16. Society of the Snow - Netflix ต้องการรับชมคลิก
เข้าชิงภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม กับแต่งหน้า และออกแบบทรงผมยอดเยี่ยม หนังจากสเปนเล่าเรื่องราวของกลุ่มคนที่ต้องเอาชีวิตรอดจากการที่เครื่องบินตกในดินแดนที่เต็มไปด้วยหิมะที่เคยเป็นกระแสดังอยู่พักหนึ่ง การที่ตัวหนังได้ไปอยู่บนเวทีออสก้าก็เป็นอีก 1 การการันตีว่าหนังเรื่องนี้ยอดเยี่ยมแค่ไหน
อยากรู้ว่า Netflix มีอะไรน่าดู รวมคอนเทนต์ที่คุณไม่ควรพลาดบน Netflix คลิกที่นี่
17. American Symphony - Netflix ต้องการรับชมคลิก
เข้าชิงเพลงประกอบยอดเยี่ยมจากเพลง It Never Went Away ของ Jon Batiste สารคดีสุดซึ้งเรื่องราวของตัวเขาเอง จอน บาดิส กับความมุ่งมั่นที่จะแต่งเพลงซิมโฟนี ในขณะที่ภรรยาของเขาต้องต่อสู้กับโรคมะเร็ง สารคดีเรื่องนี้จะทำให้คุณประทับใจไปกับคู่รักที่ใช้ชีวิตร่วมกันเพื่อผ่านวันเวลาอันหอมหวาน และมืดมนที่สุด
อยากรู้ว่า Netflix มีอะไรน่าดู รวมคอนเทนต์ที่คุณไม่ควรพลาดบน Netflix คลิกที่นี่
18. Nimona - Netflix ต้องการรับชมคลิก
เข้าชิงภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเต็งในสาขานี้แต่น่าเสียดายพลาดรางวัลไป Nimona เล่าเรื่องราวของสาวน้อยที่แปรงร่างเป็นสัตว์ต่าง ๆ ได้ กับชายหนุ่มที่กำลังจะได้เป็นอัศวินอยู่แล้วแท้ ๆ แต่ดันถูกกล่าวหาว่าเป็นอาชญกรซะงั้น แอนิเมชันเรื่องนี้ไม่ได้เข้มข้นแค่ในจอ แต่นอกจอทีมงานผู้สร้างก็มีเรื่องราวที่ต้องสู้ไม่แพ้กัน แต่อุ่นใจบอกเลยเรื่องนี้สนุกจริงๆ ตอนประกาศรางวัลจริงๆ แอบเชียร์เรื่องนี้สุดๆ ซึ่งผู้ชนะในสาขานี้คือThe Boy and The Heron ได้ข่าวแว่วมาตามลุ่มแม่น้ำว่าจะเข้าที่ Netflix เหมือนกันใครเป็นแฟนอนิเมชันจิบิก็รอดู Nimona รอไปก่อนนะ
อยากรู้ว่า Netflix มีอะไรน่าดู รวมคอนเทนต์ที่คุณไม่ควรพลาดบน Netflix คลิกที่นี่
19. The After - Netflix ต้องการรับชมคลิก
กลับมาที่หนังสั้นกันอีกเรื่อง The After เข้าชิงภาพยนตร์สั้นยอดเยี่ยม เรื่องราวของชายคนหนึ่งที่หลังจากผ่านอาชญากรรมสะเทือนขวัญ หัวใจที่แหลกสลาย และจมอยู่กับความเศร้าโศกเสียใจ หนังความยาวแค่ 18 นาทีแต่กลับถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกได้ดีมาก ๆ
อยากรู้ว่า Netflix มีอะไรน่าดู รวมคอนเทนต์ที่คุณไม่ควรพลาดบน Netflix คลิกที่นี่
20. To Kill a Tiger - Netflix ต้องการรับชมคลิก
เข้าชิงภาพยนตร์สารคดียอดเยี่ยม To Kill a Tiger บอกเล่าเรื่องราวสะเทือนขวัญของเด็กสาวชาวอินเดีย ที่ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ล่วงละเมิด กับการต่อสู้เพื่อทวงความยุติธรรมของเธอกับพ่อชาวนาของเธอ สารคดีเรื่องนี้คว้ารางวัลมาเป็นกระบุงถือเป็นตัวเต็งในสาขานี้ เหมือนกันหลายคนให้ความเห็นว่าถ้าปีที่แล้วไม่มีสงครามยูเครน มงอาจจะมาลงที่ To Kill a Tiger ก็เป็นได้
อยากรู้ว่า Netflix มีอะไรน่าดู รวมคอนเทนต์ที่คุณไม่ควรพลาดบน Netflix คลิกที่นี่